วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556



วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 8

เนื้อหาการเรียน

       ** ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดสิ้นปีและเป็นช่วงหลังสอบกลางภาค **


วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.



ครั้งที่ 7


เนื้อหาการเรียน


วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556


วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.



ครั้งที่ 6

เนื้อหาการเรียน
     - อาจารย์ให้แต่ละกลุ่มนำเสนองาน
สมาชิกกลุ่ม                                                                                    
1.  น.ส. จินตนา       น.ส. ณัฐวดี       น.ส. นพมาศ                                
2.  น.ส. กรรจิรา       น.ส. บงกช        น.ส. พัชรี                                     
3.  น.ส. นฤมล         น.ส. เณฐิดา      น.ส. ชิดชนก                             
4.  น.ส สุภาภรณ์     น.ส รัตติกาล     น..นิตยา      น.ส ประทานพร     
5.  น.ส อลิสา          น.ส กรกนก       น.ส รสิตา       น.ส ชุติภา                    
6.  น.ส อรอุมา         น.ส วศินี                                                               

หัวข้อนำเสนอ
1. เด็กออทิส                  
2. เด็กดาวน์ซินโดรม                    
3. เด็กสมองพิการ (เด็กซีพี)
4. เด็กสมาธิสั้น
5. เด็กแอลดี
6. เด็กปัญญาเลิศหรือ IQ สูง


วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556


วันศุกร์ที่ ธันวาคม 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 5

เนื้อหาการเรียน

พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
    พัฒนาการ
          การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่และวุฒิภาวะของอวัยวะต่างๆ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้

เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
          - มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
          -พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้าน
          -พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าไปด้วย

ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการ
         1. ปัจจัยด้านชีวภาพ
         2. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม
         3. ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด
         4. ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด

 สาเหตุที่ทําให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
         1. โรคทางพันธุกรรม
         2. โรคทางระบบประสาท
         3. การติดเชื้
         4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
         5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
         6. สารเคมี
                 ตะกั่
                 แอลกอฮอล์
                 นิโคติน
         7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม

แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
        1. การซักประวัติ
               - โรคประจําตัวต่างๆ
               - การเจ็บป่วยในครอบครัว
               - โรคทางพันธุกรรม
               - ประวัติการฝากครรภ์
               - ประวัติเกี่ยวกับการคลอด
               - พัฒนาการที่ผ่านมา
               - การเล่นตามวัยการช่วยเหลือตนเอง
               - ปัญหาพฤติกรรม
               - ประวัติอื่นๆ

สรุปเมื่อซักประวัติแล้วจะทําให้สามารถบอกได้ว่า..
               1. ลักษณะพัฒนาการล่าช้าดังกล่าวเป็นแบบคงที่ (static) หรือถดถอย (progressive encephalopathy)
               2. เด็กมีระดับพัฒนาการช้าจริงหรือไม่ อย่างไร อยู่ในระดับไหน
               3. มีข้อบ่งชี้ว่าจะมีสาเหตุจากโรคทางพันธุกรรมหรือไม่
               4. สาเหตุของความบกพร่องทางพัฒนาการนั้นเกิดจากอะไร
               5. ขณะนี้เด็กได้รับการช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างไร

         2. การตรวจร่างกาย
               2.1 ตรวจร่างกายทั่วๆไป
               2.2 ภาวะตับม้ามโต
               2.3 ผิวหนัง
               2.4 ระบบประสาทต่างๆ
               2.5 ดูลักษณะของเด็กที่ถูกทารุณกรรม (child abuse)
               2.6 ระบบการมองเห็นและการได้ยิน
          3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
          4.การประเมินพัฒนาการ
              - การประเมินแบบไม่เป็นทางการ

            การประเมินที่ช้ในเวชปฏิบัติ
               - แบบทดสอบ Denver II , Gesell Drawing Test
               - แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุแรกเกิด - 5 ปี สถาบันราชานุกูล สามารถใช้ในการคัดกรอง ประเมินพัฒนาการและส่งเสริมพัฒนาการ

แนวทางในการดูแลรักษา
          1. หาสาเหตุทที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
          2. การตรวจค้นหาความผิดปกติร่วม
          3. การรักษาสาเหตุโดยตรง
          4. การส่งเสริมพัฒนาการ
          5. ให้คําปรึกษากับครอบครัว

สรุปขั้นตอนในการดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
          1. การตรวจคัดกรองพัฒนากร (Developmental screening)
          2. การตรวจประเมินพัฒนาการ (Developmental assessment)
          3. การให้การวินิจฉัยและหาสาเหตุ (Diagnosis)
          4. การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ (Treatment and early Intervention)
          5. การติดตามและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ (Follow up and evaluation)

สรุป
         เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการจะมีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน การ
สังเกตพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก การประเมนิพัฒนาการเด็กเป็นระยะๆ โดยเฉพาะในเด็กกลุ่ม
เสี่ยงตามสาเหตุที่ทําให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการจะช่วยให้ค้นหาเด็กเหล่านี้ได้เร็วขึ้

สามารถให้การช่วยเหลือได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการดีขึ้นตามศักยภาพ

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556


วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 4


เนื้อหาการเรียน

เด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ( Children with Behaviord and Emotional Diesorders )   

          เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆไม่ได้ เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตัวเองไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย

แบ่งได้ 2 ประเภท
            - เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์  ( อารมณ์รุนแรง/อยู่ไม่นิ่ง )
            - เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ ( ครูยังสอนได้ )

ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
            - ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
            - รักษาความสมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
            - มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กปกติ
            - มีความคับข้องใจ และมีความเก็บกดอารมณ์
            - แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศรีษะ ปวดตาส่วนต่างๆของร่างกาย
            - มีความหวาดกลัว 

เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก 
            - เด็กสมาธิสั้น Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders  (ADHD)
            - เด็กออทิสติก Autistic หรือ ออทิสซึ่ม Autism 

ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
            - ยึดติดขวดนมหรือตุ๊กตา และของใช้ในวัยทารก ดูดนิ้ว กัดเล็บ
            - อารมณ์ไหวต่อสิ่งเร้าและเรียกร้องความสนใจ
            - ขี้อิจฉาริษยา ก้าวร้าว เพ้อเจ้อ

เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้  ( Children with Learning Disabilites )  (LD)

          เด็ก LD มี IQ เท่ากับเด็กปกติทั่วไป เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง เด็กมีปัญหาทางการใช้ภาษา หรือ พูด การเขียน ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย

ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
            - มีปัญหาในทักษะคณิตศาสตร์
            - ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้
            - เล่าเรื่อง/ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
            - มีปัญหาด้านการอ่าน เขียน

เด็กออทิสติก   Autistic (ไม่พูดจา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว)

          เด็กออทิสติก หรือ ออทิสซึ่ม Autism เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมายพฤติกรรม สังคม และ ความสามารถทางสติปัญญาในการรับรู้ เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต

ลักษณะของเด็กออทิสติก
            - อยู่ในโลกส่วนตัว
            - ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
            - เคลื่อนไหวแบบเร็วๆ ยึดติดวัตถุ
            - ต่อต้าน หรือแสดงกิริอารมณ์รุนแรง และใช้เหตุผล

เด็กพิการซ้อน  ( Children with Multiple Handicaps )

          เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่า 1 อย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก เช่น เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด เด็กที่หูหนวกและตาบอด


กิจกรรม

-อาจารย์ให้ดูโทรทัศน์ครู “ ผลิบานผ่านมือครู  ตอน ห้องเรียนแรกของเด็กพิเศษ ”

-อาจารย์ให้สรุปองค์ความรู้ 

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556



วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 3

เนื้อหาการเรียน

เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
          - เด็กที่อวัยวะไม่สมส่วน
          - อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งที่หายไป
          - มีปัญหาทางระบบประสาท (ประสาทสมอง)
          - มีความรำบากในการเคลื่อนไหว 

จำแนกได้ 2 ประเภท
          1.อาการบกพร่องทางร่างกาย
          2.อาการบกพร่องทางสุขภาพ

บกพร่องทางด้านร่างกาย
      1.ซี.พี. ( Cerbral Palsy )
               - เป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอดหรือหลังคลอด
               - การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพีมีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่างๆของสมองต่างกัน

อาการ
          - อัมพาตเกร็งของแขนขา หรือครึ่งซีก ( Spastio )
          - อัมพาตของลีลาการเคลื่อนไหวผิดปกติ ( Athetoid )
          - อัมพาตสูญเสียการทรงตัว ( Ataxia )
          - อัมพาตตึงแข็ง ( Mixed )

       2.กล้ามเนื้ออ่อนแรง ( Musscular Distrophy )
          - เส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเสื่อมสลายตัว
          - เดิน-นั่ง ไม่ได้ นอนอยู่กับที่
          - มีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม

       3.โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ ( Drthopedic )
          - ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก Club foot กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน
          - ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยติดเชื้อ Imfection 

       4.โปลิโอ ( Poliomyetitis)
          - มีอาการกล้ามเนื้อลีบลง แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา 
               ความบกพร่องทางสุขภาพ
                  1.โรคลมชัก ( Epilopsy )
                    1.1ลมบ้าหมู (Grand Mal )
                    1.2การชักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ( Petit Mal )
                    1.3การชักแบบรุนแรง ( Grand Mal )
                    1.4อาการชักแบบ ( Partial Complex )
                    1.5อาการไม่รู้สึกตัว ( Focal Partial )

โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน ( Diabetes mellitus )
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ( Rheumatoid arthritis )
โรคศรีษะโต ( Hydrocephatus )
โรคหัวใจ ( Cardiac Conditions )
โรคมะเร็ง ( Cancer )
เลือดไหลไม่หยุด ( Hemophilia )

ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
          - มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
          - ท่าเดินคล้ายกรรไกร
          - เดินขากกะเผลก หรืออืดอาดเชื่องช้า
          - ไอ้เสียงแห้งบ่อยๆ
          - มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
          - หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม 
          - หกล้มบ่อย

          - หิวและกระหายน้ำอย่างเกินสาเหตุ

เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา


วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556


วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 2


เนื้อหาการเรียน

1. อาจารย์ชี้แจงเกณฑ์การให้คะแนน  ดังนี้

     - จิตพิสัย                             10    คะแนน
     - งานเดี่ยว (วิจัย)                 10    คะแนน
     - งานกลุ่ม (นำเสนอ)            20    คะแนน
     - บันทึกอนุทิน  (blog)          20    คะแนน 
     - โทรทัศน์ครู                       10    คะแนน
     - สอบกลางภาค                   15    คะแนน
     - สอบปลายภาค                  15    คะแนน

2.   วันนี้อาจารย์ได้สอนทฤษฎี  เรื่อง เด็กที่มีความต้องการพิเศษ


ความหมาย
       1.  ทางการแพทย์   >>  มักเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า  " เด็กพิการ "
                 -  เด็กผิดปกติ
                 -  มีความบกพร่อง (กาย)
                 -  สูญเสียสมรรถภาพ  (สติปัญญา และ จิตใจ)
        2.  ทางการศึกษา
                  -  เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง
                  -  ต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติ  ทางด้านเนื้อหา  หลักสูตร  กระบวนการใช้และประเมินผล

สรุปความหมาย
        1.  เด็กที่ไม่อาจพัฒนาความสามารถได้เท่าที่ควร  จากการให้ความช่วยเหลือ  และการสอนตามปกติ
        2.  มีสาเหตุจากสภาพความบกพร่องทางร่างกาย  สติปัญญา  และอารมณ์
        3.  จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น  ช่วยเหลือ  บำบัดและฟื้นฟู
        4.  จัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละบุคคล





ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ     แบ่งออกเป็น  2  กลุ่มใหญ่

   1.  กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง

           -  มีปัญญาเลิศ  (มีความเป็นเลิศทางสติปัญญา)
   2.  กลุ่มเด็กที่มีลักษณะความบกพร่อง
            กระทรวงศึกษาธิการได้แบ่งออกเป็น  9  ประเภท   ได้แก่
        1.  เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
        2.  เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
        3.  เด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
        4.  เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
        5.  เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา
        6.  เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
        7.  เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
        8.  เด็กออทิสติก
        9.  พิการซ้ำซ้อน





วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2556
วิชา การอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
EAED 2209 Child Care of Early Childhood with Special Need
เวลาเรียน 11.30-14.00 น.


ครั้งที่ 1
เนื้อหาการเรียน


          1.  ครูผู้สอนชี้แจงรายละเอียดของรายวิชา
          2.  ให้นักศึกทำผังความคิด (Mind Map) ในหัวข้อ  "เด็กพิเศษ"

                  ผังความคิด